เมนู

บทว่า อสติยา มีความว่า ภิกษุเป็นผู้ส่งใจไปในที่อื่น คือ ไม่มี
ความนึกว่า เราจักถูกต้องมาตุคาม เพราะไม่มีสติอย่างนี้ ไม่เป็นอาบัติ
แก่ภิกษุผู้ถูกต้องในเวลาเหยียดมือและเท้าเป็นต้น.
บทว่า อชานนฺตสฺส มีความว่า ภิกษุเห็นเด็กหญิงมีเพศคล้าย
เด็กชาย ไม่รู้ว่า เป็นผู้หญิง ถูกต้องด้วยกรณียกิจบางอย่างเท่านั้น ไม่
เป็นอาบัติแก่ภิกษุผู้ไม่รู้ว่า เป็นผู้หญิง และถูกต้องด้วยอาการอย่างนี้.
บทว่า อสาทิยนฺตสฺส มีความว่า ไม่เป็นอาบัติแก่ภิกษุผู้ไม่ยินดี
การเคล้าคลึงด้วยกาย เหมือนไม่เป็นอาบัติแก่ภิกษุที่ถูกผู้หญิงจับแขนกัน
และกันห้อมล้อมพาเอาไปฉะนั้น ภิกษุบ้าเป็นต้น มีนัยดังกล่าวแล้วแล.
และพระอุทายีเถระเป็นอาทิกัมมิกะในสิกขาบทนี้ ไม่เป็นอาบัติแก่ท่านผู้
เป็นอาทิกัมมิกะนั้น ฉะนี้แล.
บทภาชนียวรรณนาจบ
บรรดาสมุฎฐานเป็นต้น สิกขาบทนี้ มีสมุฎฐานดุจปฐมปาราชิก
สิกขาบท ย่อมเกิดขึ้นทางกายกับจิต เป็นกิริยา สัญญาวิโมกข์ สจิตตกะ
โลกวัชชะ กายกรรม อกุศลจิต มีเวทนา 2 โดยเป็นสุขเวทนาและ
อุเบกขาเวทนาทั้งสองแล.

วินีตวัตถุในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ 2


พึงทราบวินิจฉัย ในวินีตวัตถุทั้งหลายต่อไปนี้:-
สองบทว่า มาตุยา มานุปฺเปเมน ความว่า ย่อมจับต้องกาย
ของมารดาด้วยความรักฉันมารดา. ในเรื่องลูกสาวและพี่น้องสาว ก็มี